BLB U ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันให้สมดุล รักษาการอักเสบของข้อต่อ ยับยั้งการทำลายกระดูก เสริมความแข็งแรงของกระดูก ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก

คุณพี่อ้อม เจ็บตรงหัวไหล่

ปวดลุกลามถึงก้นกบ หลัง สะโพก หัวเข่า

ต้นคอ ข้อเท้า บวมมาก เจ็บมาก

เจ็บจนเดินไม่ได้ รักษาด้วยยาไม่ทันใจ

กลับมาหายปวดเจ็บ เมื่อเปิดใจทานสิ่งนี้!!!

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

เกิดจากโรคภูมิต้านทานทำร้ายตนเองเรื้อรัง ทำให้เกิดอาการปวด บวม และตึงที่เยื่อบุข้อ การอักเสบจะทำลายกระดูกอ่อนซึ่งปกติจะทำหน้าที่เป็น “ตัวดูดซับแรงกระแทก” ในข้อต่อของคุณ เมื่อเวลาผ่านไป อาจทำให้ข้อต่อของคุณผิดรูปได้ ในที่สุดกระดูกของคุณก็จะสึกกร่อน มักเกิดขึ้นที่ข้อต่อต่างๆ เช่น นิ้วมือ มือ ข้อมือ เข่า ข้อเท้า เท้า และนิ้วเท้า มักเกิดขึ้นที่ข้อต่อเดียวกันทั้งสองข้างของร่างกายซึ่งทำให้ข้อต่อโค้งงอผิดรูปในเวลาต่อมา ซึ่งเรียกว่า “ภาวะข้อผิดรูป”

เมื่อเป็นโรครูมาตอยด์ เยื่อบุข้อจะงอกขึ้นมาและมีการหนาตัว จากนั้นจะลุกลามทำลายกระดูกและข้อในที่สุด ในระยะแรกผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดตามข้อ มีอาการฝืดขัดข้อเป็นเวลานานในตอนเช้า เมื่อมีอาการชัดเจนข้อจะมีการบวม ร้อน และปวด โรคนี้สามารถเป็นได้กับทุกข้อของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อยคือข้อของนิ้วมือ ข้อมือ ข้อเข่า ข้อเท้า และข้อนิ้วเท้า อาการของข้ออักเสบจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในบางรายอาจมีอาการรุนแรงแบบเฉียบพลันได้ บางรายอาจมีไข้ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดร่วมด้วยได้ ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการทางระบบตา ปอด และมีปุ่มขึ้นตามตัวได้

ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยง

อายุ โรครูมาตอยด์สามารถเกิดได้กับทุกวัย สามารถพบได้ทั้งในวัยหนุ่มสาว และวัยสูงอายุ ซึ่งมักพบผู้ป่วยในช่วงอายุ 40 – 60 ปี

เพศ ผู้หญิงมีแนวโน้มการเป็นโรครูมาตอยด์สูงกว่าผู้ชายมากถึง 3 เท่า

พันธุกรรม หากพ่อแม่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะส่งผลให้ลูกมีความเสี่ยงเป็นโรครูมาตอยด์ สูงกว่าคนทั่วไป

ความอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือเป็นโรคอ้วน มีโอกาสที่จะเป็นโรครูมาตอยด์มากกว่าคนทั่วไป

ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การได้รับสารเคมีบางอย่าง สามารถทำให้เป็นโรครูมาตอยด์ได้ เช่น ใยหิน และซิลิกา

การสูบบุหรี่ นอกจจากจะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรครูมาตอยด์แล้ว การสูบบุหรี่ยังสามารถเพิ่มความรุนแรงของโรคให้ร้ายแรงกว่าเดิมได้ด้วย

การรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน หากทานมากเกินไปจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายอ่อนแอลง ร่างการติดเชื้อได้ง่าย ส่งผลให้หลอดเลือดรอบดวงตาอักเสบ เกิดอาการตาแห้ง ทำให้เกิดพังผืดหรือเป็นก้อนกลมๆ บริเวณปอด ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบเรื้อรัง จนมีอาการเหนื่อยมากกว่าปกติ และมีอาการเจ็บหน้าอกบ่อยครั้ง และยากดภูมิคุ้มกันจะไปยับยั้งเซลล์สร้างกระดูก กระตุ้นเซลล์สลายกระดูกให้ทำงานมากขึ้น เพิ่มการขับแคลเซียมทางปัสสาวะ จนนำไปสู่การเป็น “โรคกระดูกพรุน”

ยารักษาอาการอักเสบของข้อต่อ ยาในกลุ่มนี้จะยับยั้งการสร้างสาร โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งสารตัวนี้มีหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดในไตให้เป็นปกติ หากใช้ยากลุ่มนี้ต่อเนื่องและเป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อการไหลเวียนเลือดในไตและส่งผลให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้

ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ BLB Uที่มีส่วนผสมของสมุนไพรถึง 13 ชนิดเสริมด้วยเบตากลูเคนจากไฟเบอร์คุณภาพ และโคเอ็นไซต์คิวเท็นที่มาจากเอ็นไซต์ของสารธรรมชาติที่ช่วยปรับสมดุลภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง BLB U ไม่มีผลข้างเคียงต่อตับและไตซ้ำยังมีสรรพคุณรักษาอาการอักเสบของกรวยไตแบบไม่เรื้อรังได้ คุณลูกค้าสามารถศึกษาสรรพคุณของBLB Uที่ช่วยรักษาโรคเก๊าท์ได้ในเว็บนี้เลยนะคะ

โทรติดต่อขอคำปรึกษา หรือสั่งซื้อBLB U ได้ที่เบอร์ 0952188998

-เมื่อระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง เลือดและระบบน้ำเหลืองจะทำงานไม่สมดุลส่งผลให้หลอดเลือดรอบดวงตาอักเสบ และมีอาการตาแห้งนำไปสู่การอักเสบของดวงตา เมื่อเกิดการอักเสบเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณหัวใจเกิดการแข็งตัว ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์มีความเสี่ยงมากในการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายได้มากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า

-หากผู้ป่วยมีอาการอักเสบที่บริเวณข้อมืออาจจะทำให้มีการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ซึ่งจะมีผลต่อการใช้งานข้อมือและนิ้วมือของผู้ป่วย

-เมื่อเกิดการอักเสบที่บริเวณข้อต่อ ข้อนิ้วมือ ข้อนิ้วเท้า เป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดการสลายตัวของกระดูกบริเวณข้อต่อนั้นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในระยะยาวก็จะส่งผลให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้เช่นกัน

โทรติดต่อขอคำปรึกษา หรือสั่งซื้อBLB U ได้ที่เบอร์ 0952188998

คุณพี่อ้อม อายุ 38 ปี จังหวัดศรีสะเกษ

อาการของอ้อมเริ่มแรกคือตื่นนอนตอนเช้าแล้วเจ็บไหล่ ปวดตรงไหล่ทุกวันมาประมาณ 2 สัปดาห์ ตอนนั้นบริเวณไหปลาร้าเริ่มบวม เลยไปหาคุณหมอข้อกระดูกที่โรงพยาบาล ในตอนเริ่มแรกคุณหมอก็วินิจฉัยว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ก็ให้ยาแก้อักเสบมาทาน แต่อาการไม่ดีขึ้นเลยค่ะ มันเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆจนผ่านไป 1 เดือนกว่าลุกลามไปถึงก้นกบ หลัง สะโพก หัวเข่า ต้นคอ ตรงบริเวณต้นคอตอนนั้นคือคอแข็งหันซ้ายหันขวาไม่ได้เลยค่ะ ตรงข้อเท้าก็บวมเจ็บ แถมตรงหัวเข่าก็บวมมาก เจ็บจนเดินไม่ได้เลย เลยขอร้องให้แฟนพาตัวเองไปหาหมอรักษาข้อกระดูกที่คลินิกเฉพาะทางแห่งนึง คุณหมอก็เจาะน้ำที่หัวเข่าที่บวมแล้วก็เจาะเลือดไปตรวจดู รวมถึงเอ๊กซเรย์ ปอด ไหล่ สะโพก หัวเข่า ดูจากค่าRFสูงถึง86 ซึ่งในคนปกติมันต้องต่ำกว่า 60 ก็ได้ข้อสรุปว่าอ้อมเป็นรูมาตอยด์ค่ะ ก็ได้ยาซาลาโซไพรินทำงานโดยกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยาแก้อักเสบตัวอื่น วิตามินบี แล้วก็ยาป้องกันการอักเสบที่กระเพาะด้วยค่ะ

ผ่านมา 3 เดือนจากที่ขยับร่างกายนิดหน่อยก็เจ็บก็ปวด ก็เริ่มขยับร่างกายได้บ้างแต่ก็ยังอักเสบอยู่ ตอนเดินก็จะเดินกระเผลกๆ ถ้าเดินมากไปตรงข้อเท้าก็จะบวม เดินเป๋ๆไม่ค่อยตรง

พอผ่านมาถึงเดือนที่ 4 อาการปวดบวมอักเสบต่างๆก็ยังไม่หาย ไปหาคุณหมอมาอีก 2-3 ครั้ง ผลเลือดRfก็ยังอักเสบเหมือนเดิม ไหล่ สะโพก ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า มันจะปวดมากๆตอนกลางคืนทุกคืนเลยค่ะ

วันนึงคิดว่าไม่ไหวแล้ว อาการไม่หายสักที ก็เริ่มค้นหาข้อมูลในfacebook แล้วก็ในyoutube เพื่อหาสมุนไพรมาเป็นตัวช่วย ก็ได้มาเจอกับBLB Uค่ะ ตอนนั้นสั่งมาทาน 3 กระปุก เพราะเห็นลูกค้าคนอื่นออกมารีวิวว่าช่วยได้ แรกๆก็ทานวันละ 2 เม็ดให้หมดไปกระปุกนึง อาการปวดและบวมตรงหัวไหล่ หัวเข่า ข้อเท้าก็ค่อยๆหายจนสนิท ตรงสะโพก และต้นขาตอนนี้ก็ไม่เจ็บแล้ว ปัจจุบันตอนนี้วิ่งขึ้นลงบันไดได้สบายเลยค่ะ กลับมาเดินได้แบบคนปกติเลย อ้อมดีใจมากๆๆเลยค่ะ

คุณแก้วใส อายุ 32 ปี จังหวัดเชียงใหม่

จริงๆแล้วแก้วก็เป็นโรครูมาตอยด์มาได้ 6 ปีแล้วค่ะ ตอนอายุ 27 ปีอาการเริ่มแรกคือตรงบริเวณข้อมือบวมแข็งอยู่ประมาณ 2วัน แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มบวมแดง แล้วก็ค่อยๆปวดตามข้อนิ้ว เริ่มจากนิ้วกลางข้างขวาแล้วก็ค่อยๆปวดที่นิ้วอื่น ลุกลามจนปวดนิ้วมือทั้งสองข้าง ตอนตื่นนอนตอนเช้า อาการจะปวดมากเป็นพิเศษ แต่พอผ่านไป 2-3ชั่วโมง อาการก็ทุเลา ก็ไปหาคุณหมอ ให้คุณหมอตรวจเลือดก็สรุปว่าเป็นโรครูมาตอยด์ ก็ทานยาตามหมอสั่ง แต่ก็ได้แค่ประคับประคองอาการ

พอเวลาผ่านไปก็ปวด บวม แดงตรงข้อศอก หัวเข่า เริ่มเดินลำบาก เดินได้ช้า วิ่งไม่ได้ จะหยิบจับของก็เจ็บนิ้วไปหมด เนื่องจากกินยากดภูมิคุ้มกันของคุณหมอมากเกินไป ทำให้เริ่มไอ เริ่มติดหวัดบ่อยๆ มีอยู่ครั้งนึงเป็นกรวยไตอักเสบ ซึ่งคุณหมอโรคไตสรุปว่าน่าจะเกิดจากการทานยาแก้อักเสบมากเกินไปค่ะ

วันนึง แก้วก็เลยตัดสินใจหยุดทานยาหมอ แล้วหันไปหาการรักษาด้วยสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำลูกยอ น้ำใบหญ้านาง น้ำใบบัวบก แต่ก็เพียงแค่ช่วยบรรเทาอาการปวดให้ทุเลาแบบประเดี๋ยวประด๋าว แก้วพยายามไม่เครียด พยายามนอนให้ได้ 8 ชั่วโมงต่อวัน พยายามงดเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือที่ทำให้โรครูมาตอยด์ปวดกำเริบได้

จนกระทั่งมีเพื่อนแนะนำให้ลองทานBLB Uเพื่อปรับภูมิคุ้มกันให้สมดุลและยังบำรุงรักษาข้อต่อข้อกระดูกด้วย แก้วก็ตัดสินใจขอมาทาน 1 กระปุกก่อนวันละ 2 เม็ด ไปเรื่อยๆ 2 สัปดาห์ ปรากฏว่ายิ่งทานไป อาการอักเสบมันดีขึ้นจนหายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ตรงข้อต่อของนิ้วมือ ข้อมือ ตรงบริวณศอก และหัวเข่าที่ปวด บวมแดง มันก็หายแดงหายบวม ค่อยๆยุบลง แก้วเลยตัดสินใจซื้อ BLB Uมาทานเพิ่มอีก 3 กระปุก ทานไปเรื่อยๆโดยไม่ยุ่งกับยาของคุณหมอเลย พร้อมกับเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ยกเว้นพวกปลาที่มีเกล็ดค่ะ พวกอาหารแปรรูป น้ำซุป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของทอดของมัน แก้วงดทานหมด

เวลาผ่านไปจนครบ 1 เดือนจากการทานBLB U แก้วก็กลับมาหยิบจับอะไรได้ปกติ จะเดินจะวิ่งได้แบบปกติ กลับมาอาการปกติและไม่กลับมามีอาการเดิมซ้ำอีกเลยค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้จะครบ 1 ปีแล้วจากวันนั้น ภูมิคุ้มกันของแก้วก็ยังดีอยู่ ขอขอบคุณ BLB U จากใจจริงค่ะ

โทรติดต่อขอคำปรึกษา หรือสั่งซื้อBLB U ได้ที่เบอร์ 0952188998

ระยะที่ 1:ในระยะเริ่มต้นของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะมีการอักเสบในเนื้อเยื่อรอบข้อต่อ คุณอาจมีอาการปวดข้อและข้อแข็งเล็กน้อย หากมีการเอกซเรย์ จะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำลายกระดูกของคุณ คุณสามารถทาน BLB U 1 เม็ดก่อนนอนเพื่อเยียวยาอาการอักเสบ และปรับภูมิคุ้มกันให้โรคสงบลง
ระยะที่ 2:การอักเสบเริ่มทำลายกระดูกอ่อนในข้อต่อของคุณ คุณอาจสังเกตเห็นอาการตึงและการเคลื่อนไหวลดลง แนะนำให้ทานBLB U วันละ2 เม็ด เม็ดละ 1 เวลา คือตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อเร่งการเสริมสร้างกระดูก ระงับเนื้องอกที่งอกขึ้นในบริเวณข้อต่อ และรักษาอาการอักเสบในข้อต่อ
ระยะที่ 3:การอักเสบรุนแรงมากจนทำลายกระดูก คุณจะมีอาการปวดมากขึ้น ตึงมากขึ้น และเคลื่อนไหวได้น้อยลงกว่าในระยะที่ 2 คุณอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ แนะนำให้ทานBLB Uวันละ 3 เม็ด 2 เวลา คือตอนเช้า 1 เม็ด และก่อนนอน 2เม็ด เพื่อระงับความเจ็บปวดตรงบริเวณข้อต่อ อาจจะต้องทานยากดภูมิคุ้มกันของคุณหมอร่วมด้วย
ระยะที่ 4:ในระยะนี้ การอักเสบจะหยุดลง แต่ข้อต่อจะแย่ลงเรื่อยๆ คุณจะมีอาการปวดอย่างรุนแรง บวม ตึง และสูญเสียการเคลื่อนไหว ซึ่งต้องแนะนำใช้วิธีการรักษาของแพทย์ร่วมกับการหาสมุนไพรเป็นตัวช่วยเสริม ขอแนะนำ BLB Uทานวันละ 3 เม็ด 2 เวลา จนกว่าอาการจะทุเลาขึ้น เมื่ออาการสงบคงที่ คุณสามารถลดเหลือ 2 เม็ด และลดยาที่คุณหมอจ่ายได้บางชนิดด้วย

รีวิวสินค้าจากผู้ใช้ตัวจริง

13 สมุนไพร ส่วนผสมของ BLB U ที่ช่วยรักษาอาการปวดบวมจากโรครูมาตอยด์

โทรติดต่อขอคำปรึกษา หรือสั่งซื้อBLB U ได้ที่เบอร์ 0952188998

1.น้ำมันจมูกข้าว อุดมด้วยแกมมา-โอรีซานอลและวิตามินอี ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆในร่างกายจากความเสียหาย และปรับระบบภูมิคุ้มกันให้สมดุล ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือด

2.น้ำมันงา อุดมด้วยสารเซซามิน ช่วยกระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก เพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อ ให้สร้างโปรตีนและคอลลาเจนได้มากขึ้น ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายกระดูกอ่อน

3.น้ำมันงาขี้ม้อน มีโอเมก้า 3 สูง ช่วยป้องกันและลดการสูญเสียมวลกระดูก ส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูก ทำให้ร่างกายสามารถทดแทนกระดูกที่สูญเสียไปได้ และลดภาวะกระดูกขาดเลือดได้

4.ขิง อุดมด้วยสารจินเจอรอล สามารถลดอาการปวดได้โดยการยับยั้งการสร้าง Prostaglandin ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการปวดในข้อต่อ ยับยั้งกระบวนการที่ทำให้เกิดการสร้างกระดูกอ่อนผิดปกติ และลดการผลิตสารที่ทำลายกระดูกอ่อน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกได้

5.โสม มีสารสำคัญคือ จินเซนโนไซด์ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกตรงบริเวณข้อต่อ และมีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างหลอดเลือดใหม่ทำให้หยุดการเจริญเติบโตของเนื้องอกในอวัยวะต่างๆของร่างกาย

6.เห็ดหลินจือ ช่วยให้หลอดเลือดคลายตัว ทำให้ความดันโลหิตลดลง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตที่ดี

7.ถังเช่า สามารถลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและเซลล์เนื้องอกได้หลายชนิด สารอะดีโนซีนในถังเช่าทำหน้าที่เป็นสารที่ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น

8.เห็ดชิตาเกะ มีสารเอริตาดีนีน เป็นปัจจัยสำคัญในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรงและทนทานมากขึ้น

9.เห็ดไมตาเกะ มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพสามารถยับยั้งเอนไซม์ไซโคลออกซิเจเนส ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการอักเสบ คล้ายกับยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์

10.เห็ดยามาบูชิตาเกะ มีสารสารแลนติแนนและเปปไทด์ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติกลับสู่สภาวะสมดุล

11.พลูคาว มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการทำลายเซลล์ในร่างกาย และยับยั้งการอักเสบได้

12.เบต้ากลูแคน (β-glucan) ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว และปรับสมดุลของภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติให้กลับสู่สภาวะสมดุล

13.CoQ10 ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกาย ลดความเหนื่อยล้า และเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย

โทรติดต่อขอคำปรึกษา หรือสั่งซื้อBLB U ได้ที่เบอร์ 0952188998

ข้อปฎิบัติของผู้ป่วยโรครูมาตอยด์

1.เพิ่มปลาและโอเมก้า 3 ลงในอาหารของคุณ กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งพบมากในปลา มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ช่วยลดอาการข้อแข็งและปวด BLB Uมีส่วนผสมของน้ำมันงาขี้ม้อนที่มีโอเมก้า 3 สูงกว่าปลาทะเล

2.เพิ่มปริมาณวิตามินดีให้เหมาะสม วิตามินดีเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพกระดูกและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ได้ การขาดวิตามินดียังเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคภูมิต้านตนเอง รวมถึงโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ BLB Uสูตรใหม่เพิ่มวิตามินดีและซิงค์

3.ห้ามสูบบุหรี่ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคข้ออักเสบ และยังทำให้อาการแย่ลง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายของข้อต่อที่รุนแรงยิ่งขึ้น

4.รับประทานอาหารต้านการอักเสบโดยเน้นผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี อาหารเหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านการอักเสบ

5.งดรับประทานอาหารแปรรูปและอาหารทอดซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอักเสบมากขึ้นออกกำลังกายเพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อและลดอาการตึง โดยใช้น้ำหนักเบาหรือแถบต้านทานเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อต่อ เริ่มต้นด้วยกิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การว่ายน้ำหรือการเดิน

6.หลีกเลี่ยงอาหารปริมาณเกลือสูง เพราะทำให้เกิดอาการข้ออักเสบรูมาตอยด์รุนแรงขึ้นได้ โดยส่งเสริมการอักเสบและการกักเก็บของเหลว ซึ่งอาจทำให้ความดันและอาการปวดข้อเพิ่มขึ้น

7.การจัดการความเครียดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แต่มักถูกมองข้ามในการใช้ความเครียดเรื้อรังสามารถทำให้อาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์รุนแรงขึ้นโดยกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและอาการปวด การจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพสามารถนำไปสู่การควบคุมโรคที่ดีขึ้นและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น